คลิกที่นี่เพื่อฟังเสียงคุณวิสูตรเล่าให้ฟังได้เลยครับ
—————————————-
1.สำหรับเรา
ข้าวเปลือกในตลาดมีมากมายหลายชนิด หลายพันธุ์ ข้าวหอมมะลิ ข้าวชัยนาท ข้าวหอมปทุม ข้าวเจ๊กเชย ข้าวสุพรรณ ข้าวพิษณุโลก ข้าวเหลืองประทิว ข้าวเม็ดเล็ก
แล้วเราต้องการทำการค้ากับข้าวชนิดใด ท้องที่เรามีข้าวพันธุ์ไหนเพาะปลูกอยู่อะไรที่เพาะปลูกอยู่ เราตั้งใจจะสีข้าวออกมาคุณภาพอย่างไร จะขายในตลาดไหน บรรจุปริมาณเท่าใด จัดส่งอย่างไร ที่สุดคือเราจะซื้อข้าวสด หรือข้าวแห้ง
เรามีเครื่องจักรสำหรับการสีข้าวเปลือกชนิดใด เรามีรถขนส่งข้าวเปลือก ข้าวสาร หรือเปล่า เรามีตลาดหรือยัง แล้วสุดคือเรามีความรู้เรื่องข้าวเปลือกในระดับไหน
เมื่อเราซื้อมาแล้วเราจะตากหรือจะอบ ใช้เครื่องอบชนิดใด รถตักรถเกลี่ย รถโรยข้าวเรามีพอหรือเปล่า แล้วยุ้งฉาง การเก็บสต็อกจะทำแบบไหน เก็บยุ้งฉาง หรือเก็บในไซโลเหล็กกลางแจ้ง แล้วการเก็บรักษา โดยใช้เครื่องเป่าเย็นที่กำลังนิยม หรือจะย้ายกอง พื้นยุ้งทำรางเป่าลมไว้หรือเปล่า
แค่อ่านมาถึงตรงนี้เราก็เริ่มรู้แล้วว่า สำหรับเรา อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ อะไรที่เรามี เราชอบ เราถนัด เราทำได้ดี ภาษาวิชาการว่า ทำธุรกิจที่เรามีความชำนาญ มีแต้มต่อ และอยู่ในแหล่งมีวัตถุดิบที่ดี
คราวนี้เราก็เริ่มรู้ อะไรคือสำหรับเรา นั่นก็คืออาจจะไม่ใช่สำหรับคนอื่น หรือของคนอื่นก็อาจจะไม่ใช่สำหรับเรา เพราะเราต้องการข้าวชนิดนี้ ไม่ต้องการข้าวชนิดนั้น เราต้องการขายตลาดแบบนี้ที่เรามีความชำนาญไม่ใช่ตลาดแบบนั้น นี่คือสำหรับเรา
2.เท่าที่รู้
เมื่อได้คุณภาพที่เราตรวจสอบแล้ว การซื้อข้าวราคาก็เป็นเรื่องที่จะต้องติดตาม โดยคาดคะเนว่าราคาข้าวเปลือกในวันที่ตกลงซื้อกับวันข้างหน้าจะมีผลอย่างไร เช่น ราคามีแนวโน้มที่จะลงหรือขึ้น
เมื่อเราได้ราคาที่จะซื้อแล้วก็ต้องมาคำนวณว่าเมื่อเราตรวจสอบคุณภาพของข้าวสารแล้วจะนำมาแปรสีเป็นข้าวสารและส่วนประกอบต่างๆ แล้วจะเก็บเงินได้เท่าไหร่ หักค่าดำเนินการแล้วมีกำไรหรือไม่อย่างไร นี่คือราคาในปัจจุบันเวลานั้น แต่ท่านอาจจะไม่เชื่อว่าเมื่อท่านคำนวณแล้วจะตั้งราคาซื้อ แต่ท่านจะซื้อไม่ได้เพราะว่าในความเป็นจริงของราคาข้าวเปลือกนั้นสูงกว่าข้าวสารเสมอ
ถ้าท่านคิดว่าจะซื้อให้ได้กำไรท่านจะซื้อข้าวเปลือกไม่ได้เลย เพราะว่าไม่มีใครขายให้ท่านมีแต่ข้าวเปลือกคุณภาพกลางๆแต่ราคาดี ถ้าข้าวเปลือกดี ราคาจะแพงๆ การตกลงราคาซื้อนั้นมีเหตุผลมากมายในการตั้งราคาและการต่อรองราคา ข้าวเปียก ข้าวเหลือง ข้าวลีบ ข้าวกระทบแล้ง เหล่านี้เป็นสาเหตุในการต่อรองราคา แล้วเมื่อจะซื้อก็ขาดทุนแล้ว ทำไมโรงสีจึงมีกำไร?
การสีข้าวนั้นตลาดสำคัญที่สุด ช่วงเวลาสำคัญรองลงมา การที่จะวางแผนการซื้อข้าวเปลือก และขายข้าวสารมักจะตรงข้ามเสมอ เมื่อข้าวสารราคาสูง ข้าวเปลือกจะสูงกว่าหั่งเช้ง แต่เมื่อราคาข้าวสารตกต่ำ ก็ไม่มีข้าวเปลือกเข้ามาในตลาด ทำให้ข้าวเปลือกขาดแคลนไม่มีโอกาสที่จะซื้อข้าวถูกตลอดทั้งปี
แต่โรงสีก็ทำได้ เพราะว่าในยุคนี้เขามีการทำการขายล่วงหน้า เมื่อโรงสีขายข้าวสารล่วงหน้าให้โกดังกรุงเทพฯ ในราคาปัจจุบัน แต่ได้นำข้าวเปลือกที่ซื้อก่อนหน้านั้นมาสีขาย แล้วในเวลานั้นก็ซื้อข้าวเปลือกรุ่นใหม่ เข้ามาทำสต็อกไว้เพื่อรอราคาที่จะขายได้ในช่วงเวลาต่อไป การขายนั้นอาจจะขายข้าวต้นราคาดี แต่ข้าวปลายราคาแย่ ทางโรงสีก็มีโอกาสที่จะทำสต็อกข้าวไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรอราคาข้าวท่อนที่จะขึ้นราคาตามมา เมื่อข้าวต้นที่ขายไปก่อนหน้านั้น นำเงินมารวมกับข้าวท่อนในเวลาที่ได้ขายต่อมามารวมกัน ท่านก็จะได้กำไร
แต่ว่าถ้าทุกคนรู้ ก็รวยกันหมด เพราะว่า เราไม่อาจรู้ และ เราเองก็รู้ข้อมูลคนละตัวกับคนอื่นเขา ข้อมูลมาจากคนละแหล่ง ถึงแม้ว่าจะมาที่เดียวกันการวิเคราะห์ก็ออกมาไม่เหมือนกัน
เท่าที่รู้คือยังมีอีกมากที่เรายังไม่รู้ ฉะนั้นต้องศึกษาและหาข้อมูลที่ดีมากวิเคราะห์ให้แม่นยำกว่าเดิม
3.ถึงจุดหนึ่ง
เมื่อการซื้อข้าวเปลือก เมล็ดข้าวเปลือกทุกเมล็ดแม้ว่าจะเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่เหมือนกัน ในความเป็นจริงไม่มีเมล็ดข้าวเปลือกที่เหมือนกันเมื่อถึงจุดหนึ่ง ตัวอย่างความชื้นไม่เท่ากัน ขนาดเมล็ดไม่เท่ากัน อายุข้าวเปลือกไม่เท่ากัน ราคาไม่เท่ากัน เพาะปลูกในสถานที่ต่างกันนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง
ไม่มีข้าวเปลือกที่ใดเหมือนกันทั้งหมด เช่น เรารู้ว่าการเกิดของสัตว์โลกอันเกิดจากธรรมชาติเมื่อเราศึกษาลึกลงไปลึกลงไปขยายลงไปกี่พันเท่า เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดทางที่จะสืบต่อไปอีก เช่นตัวอย่าง ไก่เกิดก่อนไข่ หรือ ไข่เกิดก่อนไก่ ทำไมมนุษย์จึงสร้างมนุษย์ขึ้นมา เหล็กมาจากไหน ฯลฯ เป็นต้น
ข้าวเปลือกที่เราอบเหมือนกัน ความร้อนเท่ากันทุกอย่างเหมือนกันแต่ออกมาแล้วไม่เหมือนกัน โรงสีบางโรงสีข้าวได้ดี ทั้งที่ใช้เครื่องสีข้าวแบบธรรมดาๆ แต่บางโรงสี สีข้าวเหมือนกันแต่ผลออกมาไม่เหมือนกันเพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง ทุกอย่างก็ไม่เหมือนกัน
ความรู้ของคนเราก็ไม่สามารถรู้ได้หมด เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็ไม่รู้
4.ดัชนีเวลา
เวลาในโลกนี้ไม่มีถอยกลับ เวลาไม่เคยคอยใคร สายน้ำและเวลาไม่มีหวนคืน ดัชนีเวลาคือ ณ สถานที่หนึ่ง ในเวลาหนึ่ง ไม่เหมือนกับสถานที่หนึ่งในเวลาที่ต่างกัน ฉะนั้นไม่ต้องมาเถียงกันเอาชนะกัน เราต้องเคารพเวลา ณ จุดนั้น ว่าไม่เหมือนกับเวลาอีกจุดหนึ่ง
ตัวอย่าง ท่านไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต ในเวลาหนึ่ง คือ ในเวลาที่เขาลดราคา ในวันที่นั้นๆ ในราคานั้น แล้วมีเพื่อนไปซื้อบ้างเพราะเห็นว่าราคาเหมาะสมไม่แพง แต่เขาไปซื้ออีกเวลาหนึ่ง เขาจึงไม่ได้ลดราคา เพราะหมดช่วงเวลาโปรโมชั่นไปแล้ว
ของเหมือนกัน สถานที่เดียวกัน แต่เวลาเท่านั้นที่ต่างกัน เราเรียกว่าดัชนีเวลา
เช่นข้าวเปลือกเมื่อวานนี้ราคาเท่านี้ วันนี้พอไปซื้อไม่ได้ซะแล้ว ทั้งที่ก่อนนี้ราคาก็ถูกกว่านี้ ราคาข้าวสารก็เช่นกัน เพื่อนบอกว่ารับไว้ราคากระสอบละเท่านี้ พอบ่ายราคาขึ้นไปอีกแล้ว ตามขายไม่ทัน อีกวันต่อมาจะขายเท่าเมื่อวานแต่ราคาขายกลับลง อย่างนี้เรียกว่า ดัชนีเวลา
5.ดัชนีชนิด
ก็ทำนองเดียวกับ ดัชนีเวลา คือ ของไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน
รถข้าวเปลือกมาพร้อมกัน มาจากท้องนาเดียวกัน รถเกี่ยวคันเดียวกัน แต่ข้าวเปลือกคุณภาพไม่เหมือนกัน เช่น รถยนต์รุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ผลิตจากบริษัทเดียวกัน แต่ผลิตกันละประเทศ แน่นอนรถนั้นก็มีบางจุดที่ไม่เหมือนกัน บ่อยๆที่เราได้ยินว่าไปซื้อข้าวจากเหนือเหมือนกัน ท่าข้าวเดียวกัน แต่ข้าวเปลือกที่มาไม่เหมือนกันราคาจึงต่างกัน
6.ดัชนีสถานที่
ข้าวอีสานเหมือนกัน ข้าวเหนียวภาคเหนือเหมือนกัน แต่คนละจังหลัด คนละอำเภอ คนละทุ่ง แล้วข้าวเปลือกจะเหมือนกันได้อย่างไร ราคาก็ต้องต่างกัน คุณภาพก็ต่างกัน จะดีกว่า หรือแย่กว่าอันนี้ต้องทดสอบคุณภาพด้วยตนเองหรือเครื่องมือที่มาตรฐานทุกคนยอมรับ แม้สถานที่ไม่ใช่ที่เดียวกัน การซื้อขายก็ไม่เหมือนกัน
เขียนมาทั้งหมดนี้ รวมๆแล้วคือปรัชญาของความรู้ ที่ต้องใช้ วิจารณญาณในการทำงาน การซื้อ การขาย การเข้าในสังคม ถ้าเราแยกแยะออกว่าอะไรคือตัวกำหนดของสิ่งนั้นๆ เราก็จะมีชีวิตอย่างปกติไม่ต้องเครียด ไม่ต้องทะเลาะหรือขัดแย้งกับคนอื่นๆ โดยไม่จำเป็น เพราะเรารู้แล้วว่าในความจริงมี
สำหรับเรา
เท่าที่รู้
ถึงจุดหนึ่ง
ดัชนีเวลา
ดัชนีชนิด
ดัชนีสถานที่ ควบคุมอยู่นั่นเอง
————————–
ผมตั้งใจแบ่งปันความรู้จากประสบการณ์ 60 กว่าปีในเรื่องเครื่องสีข้าว และเทคโนโลยีในการสีข้าว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจจะสร้างโรงสี เจ้าของโรงสีมือใหม่ วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์โรงสี หรือ โรงสีชุมชน
เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมข้าวไทยที่มีชื่อเสียงและคุณภาพอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนาน
ด้วยความปรารถนาดี
วิสูตร จิตสุทธิภากร
31 ก.ค. 2561